29 เมษายน 2561

Japan In dream: Day 3 เกียวโต เน้นชิลล์ ไม่ไปวัด

8 Apr 18

     เมื่อวานเราคุยกับแฟนว่าเราไม่อินกับวัดเลย รู้สึกว่าเฉยๆ กับการมาเที่ยวเกียวโต ฉะนั้นวันนี้เราจะเปลี่ยนแผน วัดอื่นๆ ไม่ไปแล้ว Kiyomizudera ก็ยังปิดซ่อมอยู่ ถึงไปก็เท่านั้น เอาเวลาไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า

     วันนี้ก็ยังคงตื่นเช้าเช่นเคย 4.30 น. เราก็ลุกอาบน้ำแต่งตัว จัดของกันไปจัดของกันมาสุดท้ายก็ไปไม่ทันรถไฟไป Saga-Arashiyama Station เที่ยวแรกเลยต้องไปเที่ยว 6.04 แทน


     ก่อนมา Arashiyama เราได้หาเส้นทางเดินเข้าป่าไผ่มาแล้ว เราต้องออกทาง South Exit เพื่อไป Arashiyama Bamboo Forest หรือ ป่าไผ่นั่นเอง หลังออกจากสถานีให้เดินเลี้ยวขวาไปตามทางเล็กๆ ที่เป็นเส้นทางจักรยาน เปิด GPS ตามไปด้วยกันพลาด เพราะตอนนี้ยังเช้ามากเส้นทางที่เดินมาจึงค่อนข้างเงียบ คาดว่าคนญี่ปุ่นคงยังไม่ตื่นกัน เรามีเพื่อนร่วมทางประปราย ทุกคนน่าจะมีจุดหมายเดียวกันคือป่าไผ่ ระหว่างเดินไปป่าไผ่ก็แวะถ่ายรูปกันเป็นพักๆ


     เดินมาถึง Nonomiya Shrine เราก็จะเจอพระกวาดถนนอยู่ ระหว่างที่เราเดินผ่านเค้าก็จะหยุดกวาด บางคนก็ทักทายเราเป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็ทักทายกลับไปตามมารยาท มาเที่ยวได้ 2 วันจำไม่ได้ว่าโค้งไปแล้วกี่รอบ 555+++


     ก่อนถึงศาลเจ้าจะมีป้ายบอกทางเข้าป่าไผ่ เราก็เลี้ยวซ้ายไปตามไปเลย ช่วงนี้คนยังไม่เยอะเราเลยได้ถ่ายรูปแบบสบายๆ ไม่แออัด แต่จุดที่สวยที่สุดดันโดนช่างภาพถ่ายพรีเว้ดดิ้งกลุ่มนึงมาจับจอง ยืนรอแล้วรออีก เค้าก็ยังถ่ายไม่เลิก โอเคเดี๋ยวเดินมาใหม่


     เราเห็นต้นซากุระบานอยู่ทาง Kameyama Park ลิบๆ เลยชวนแฟนมาเดินเล่นก่อน เราเดินขึ้นไปจุดชมวิวด้วย ระยะทางเดินขึ้นมาไม่ไกลมา ทางเดินง่ายไม่ลำบากอะไร จุดชมวิวนี้เราคิดว่าช่วงใบไม้แดงคงสวยมากแน่ๆ ตอนที่เรากำลังยืนถ่ายรูปอยู่มีคุณยายชาวญี่ปุ่นท่านนึงเดินมา ปีนขึ้นบนเก้าอี้นั่งตรงจุดชมวิว แล้วอยู่ๆ แกก็ร้องตะโกนอะไรซักอย่างขึ้นมา เรากับแฟนตกใจเพราะตรงนั้นมันเงียบมาก แกตะโกนอยู่สองประโยคทำท่าเหมือนไหว้อะไรซักอย่างแล้วก็ไป เราสองคนก็ได้แต่มองหน้ากันแล้วยิ้มๆ ไม่กล้าหัวเราะแรงกลัวคุณยายแกได้ยิน (เดาเอาเองว่าคงเป็นการไหว้เทพเจ้าซักอย่าง)


     จากจุดชมวิวกลับลงมาด้านล่างจะเจอทางเดินไปตรงจุดที่มีดอกท้อบานสะพรั่งอยู่ (กำลังติดซีรี่ย์ป่าท้อต้องแวะถ่ายรูปซะหน่อย) ซากุระโรยหมดแล้ว แต่ได้ดอกท้ออลังการขนาดนี้โอเค!! เกียวโตยังได้อยู่


     เราย้อนกลับไปดูตรงป่าไผ่เพื่อดูว่าแก็งค์พรีเว้ดดิ้งเลิกไปรึยัง เห็นกำลังยกขาตั้งกล้องออกเรากับแฟนก็ดีใจ เย้!! คงเลิกแล้ว แต่ที่ไหนได้ยกขาตั้งกล้องออกให้เอารถสปอร์ตเข้าไปเพื่อเป็นพร็อพในการถ่ายรูป สองเท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้าหยุด กึก ร่ำร้องในใจ เชี้ยยยยยย !!!! เลยบอกกับแฟนว่าเราได้รูปแล้วไปที่อื่นกันดีกว่า


     เราเลยเดินย้อนกลับไป Kameyama Park อีกรอบ ทีนี้เดินไปตามป้าย Togetsu-kyō 渡月橋 เพื่อไปสะพานโทเคะทสึ เราตัดสินใจถูกมาที่หาข้อมูลมาก่อนหน้าแล้วรู้ว่าสวนนี้ตัดออกไปตรงสะพานได้ ระหว่างทางในสวนมีต้นไม้สวยๆ เยอะมาก แปลกตา นี่สินะเรียกว่า "จุดหมายไม่สําคัญเท่ากับระหว่างทาง"


     เดินออกจากสวนมาเราก็หันไปเห็นตู้กดน้ำ สิ่งที่เราตามหาอยู่คือ ซุปข้าวโพด ตั้งแต่มาถึงแวะดูทุกตู้กดแต่ก็ยังไม่เห็นซักที่ (เห็นคลิป Ilovetogo กินกันแล้วเค้าว่าดี ตัวพี่นี้ก็อยากลอง)  นั่งพักขาตรงที่นั่งริมแม่น้ำ Katsura มองดูเวลายังไม่ถึง 7 โมงเช้าเลย วันนี้วันชิลล์ไม่รูป น้ำใสเห็นตัวปลา ปลาตัวใหญ่ๆ อ้วนๆ ทั้งฝูง อากาศเย็นๆ กำลังดี ฟินอะไรเช่นนั้น  เราสังเกตุว่าแถวนี้มีเจ้าของพาหมามาเดินเล่นตอนเช้าเยอะมาก แต่น่าแปลกใจคือถนนสะอาดมาก ไม่มีฉี่ไม่มีอึหมาให้เห็นเลย พอดีมีน้องหมาตัวนึงอึเราเห็นเจ้าของเอาอุปกรณ์ออกมาเก็บเรียบร้อย นี่สินะที่มาของความสะอาด


     เดินมาเรื่อยๆ เราก็จะเจอกับร้านกาแฟที่ช่วงนี้ดังมากใน Arashiyama "ร้าน % Arabica Arashiyama" เราถามแฟนว่ากินมั้ยร้านนี้ช่วงนี้ฮิตนะคิวน้อยด้วย เลยฝากสั่งโก้โก้หรือช็อคโกแลตร้อนเพราะเราไม่กินกาแฟ แต่สรุปว่าร้านนี้มีแค่กาแฟกับพวกขนมปังขายเท่านั้นเราก็อดกินไป ซดชาร้อน (ซึ่งไม่ร้อนแล้ว) จากตู้กดต่อไป


     ตอนนี้เวลา 8 โมงนิดๆ เราสองคนเริ่มหิว จริงๆ ตั้งใจมารอกินโซบะร้าน Arashiyama Yoshimura แต่อีกตั้งชั่วโมงแหนะ รู้สึกเหมือนฝนเริ่มปรอยๆ ลงมาด้วย สุดท้ายเราก็เลยตัดใจไม่รอเดี๋ยวไปหาอะไรกินที่ตลาด Nishiki ก็ได้



วิธีเดินทาง: Saga-Arashiyama Station >> Kyoto Station 240 เยน >> Shijo Station 210 เยน

     เราเดินออกมาจาก Shijo Station Exit 1 ตอนขึ้นมาก็ว่าเช็คดีแล้วว่าต้องเดินไปทางไหน สุดท้ายเราก็หลง ระหว่างเดินหลงทางเราก็ถ่ายรูปเล่นไปด้วยเพลินๆ แต่พอรู้ตัวว่าหลงมาไกล ต้องเดินย้อนกลับไป 1.8 km ไม่มีรถไฟผ่าน ความสนุกความเพลินก็เปลี่ยนเป็นเสียงโอดครวญทันที
     
เดินหลงไปเรื่อย
     สุดท้ายเราก็มาถึงตลาด Nishiki ตอน 10 กว่าๆ ของกินที่เยอะจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว เราก็เดินงงๆ กันอยู่พักนึงว่าจะกินอะไรกันดี


เห็นปลาไหลเสียบไม้กับไข่ม้วนดูน่ากินดีเลยหยิบมาคนละไม้ หื้อออออออ เย็นอะไรเบอร์นั้น ไม่อุ่นให้เลยหรอ ถามว่าอร่อยมั้ยตอบเลยว่าจะดีมากถ้ามันร้อน พอไม่มันแล้วก็ไม่อร่อยเท่าไหร่


    เลยมาอีกนิดเห็นร้านนึงขายปลาไหลและไข่ม้วนเหมือนกัน แต่ร้านนี้อุ่นให้ด้วย แซร๊ดดด!! มองซ้ายมองขวาหาของกินต่อเราก็ไปสะดุดตากับกุ้งเสียบไม้ กุ้งเด้งๆ รสชาติเปรี้ยวจากเลม่อนนิดๆ เค็มเกลือหน่อยอร่อยดี


     เรารู้สึกว่ายังไม่อิ่มเลยมองหาอะไรกินเพิ่ม เจอคนต่อคิวซื้อทาโกะยากิเยอะพอสำควร ร้านนี้สั่งง่ายเพราะมีเมนูภาษาอังกฤษอยู่หน้าร้าน แต่มันไม่ง่ายอย่างที่เราคิดเพราะเราต้องหยอดเหรียญกดบัตรจากตู้เพื่อซื้อทาโกะยากิ ยื่นบัตรให้พนักงานและรอรับอาหาร รสชาติทาโกะยากิร้านนี้เราว่าโอเคแต่ไส้หมึกชิ้นเล็กไปหน่อย ส่วนตัวแป้งเป็นแบบนิ่มต่างจากที่มีขายในไทย


     ตบท้ายด้วยวาราบิโมจิกับซากุระโมจิเลยลองซื้อมาอย่างละอัน วาราบิโมจิอร่อยมาก ซากุระโมจิก็ใช้ได้แปลกๆ ดีไม่หวานมาก



    จบจากตลาดเราก็อยากไป Book off หาเสื้อกันหนาวมือสองเพราะมีคนบอกไม่หนาวเราเลยเอาเสื้อกันหนาวมาตัวเดียว แถมโดนลมแล้วก็ไม่ค่อยอุ่น อุตส่าห์ไม่ไปกินโซบะร้าน Honke Owariya เพื่อไปหาเสื้อกับ DVD แต่เราก็ไม่ได้อะไรเลย เหนื่อยจะเดินกันแล้วเลยตัดสินใจว่ากลับไปนอนและพักขาซะหน่อย เย็นๆ ค่อยออกมาเดินเล่นแถวตรอก Higashiyama


     นอนหลับไปตื่นนึงก็ได้เวลาออกไปถ่ายรูป Yasaka Pagoda แถวๆ ตรอก Higashiyama จากที่พักเราเดินทางไปไม่ยาก เพราะลงป้ายเดียวกันกับตอนที่เราไปเช่าชุดกิโมโนเลย เมื่อไปถึงให้ข้ามไปฝั่งตรงข้ามกับ Okamoto Kimono (หันหน้าเข้าหาร้าน Okamoto แล้วเดินไปข้ามทางมาลายทางขวามือ มีอยู่จุดเดียว)  เดินเข้าซอยมากจะเห็น Yasaka Pagoda อยู่สุดทางเดินเลย สองข้างทางก็เป็นร้านขายขนมพวกขนมญี่ปุ่น


     เราเดินไปสำรวจไปเรื่อยๆ แวะกินโมจิกับวาราบิโมจิของ "ร้าน Fujinami" สาขา Kiyamizu ร้านคนค่อนข้างเยอะ ช่วงเราต่อคิวสั่งขนมและเล็งๆ หาที่นั่งกันโชคดีที่สั่งเสร็จแล้วมีคนลุกพอดี เซ็ตที่เราสั่งจะได้วาราบิโมจิ ขนมดังโงะ และชาเขียว 2 แก้ว เราชอบชาเขียวของร้านนี้มาเราสั่งแบบชาเขียวร้อน สัมผัสแรกที่ชาเข้าปากจะได้ความรู้สึกขม สักพักจะรู้สึกหวานหอมอยู่ในปาก ฟินขั้นสุด ชาเขียวดีๆ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง


     หลังจากขนมหมดเราก็เดินถือชาเขียวออกมาด้วย ต้องรีบกินรีบลุกแบ่งๆ ที่นั่งให้คนอื่นบ้าง เราก็เดินวนๆ อยู่แถวนี้เพราะแฟนเรามี Mission ในการถ่าย Yasaka Pagoda ตอนช่วงเย็น ใกล้ได้เวลาเหล่าช่างภาพทั้งหลายเริ่มเดินมาหาที่ปักหลักถ่ายรูป ส่วนเราก็หาที่นั่งรอดื่มด่ำกับชาเขียวร้อนแก้หนาวต่อไป ระหว่างรอก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพูดคุย ขอให้เราช่วยถ่ายรูปให้บาง บางคนก็อยากถ่ายรูปกับบ้านโบราณที่เรานั่งอยู่ บางคนก็ปีนบรรไดหินขึ้นไปถ่ายรูปบ้าง รอไปรอมากว่าแฟนเราจะถ่ายรูปก็เกือบๆ 2 ทุ่มแล้ว นั่งรออยู่ 3 ชั่วโมงกว่าจะ Mission Complete


     ตอนนี้ร้านต่างๆ ในตรอก Higashiyama ปิดเกือบหมดแล้ว ร้านต่างๆ ในเกียวโตปิดค่อนข้างไว 2 -3 ทุ่มก็เริ่มปิดแล้ว เราเลยกลับไปตั้งหลักกันที่ที่พักก่อน หลังจากเก็บของกันเรียบร้อยแล้วก็ตกลงกันว่าจะกลับไปกินร้านลุงเมื่อวานเพราะลุงเปิดดึก แต่โชคก็ไม่เข้าข้างเราวันอาทิตย์เป็นวันหยุดของร้านลุง อ๊ากกกก!!! ทำไงดีร้านปิดหมดแล้ว นึกสิๆๆๆๆ ในที่สุดเราก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานขากลับมาจากคืนกิโมโนเราเห็นร้าน Yoshinoya อยู่น่าจะเปิด 24 ชั่วโมง เดินข้ามสะพาน Shichijo ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอ Yoshinoya อยู่ฝั่งซ้าย ร้านยังไม่ปิด เรารีบตรงดิ่งเข้ามาเพราะหิวมากแล้ว สั่งมาคนละ 1 เมนู พร้อมโคล่าและเบียร์


     รสชาติแกงกะหรี่ที่นี่ดีกว่าแฟรนไชส์ที่อยู่ในบ้านเรา ใครที่ชอบแกงกะหรี่ควรลอง ขนาดเราไม่ได้ชอบมากยังคิดเลยว่าอร่อยไม่เลี่ยน อากาศหนาวๆ แบบนี้กินแกงกะหรี่ร้อนๆ เข้าไปก็ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น