เรามีความฝันตั้งแต่สมัยวัยรุ่นว่าอยากไปญี่ปุ่นซักครั้ง เพราะเราเป็นเมน Keita (W-inds.) ตั้งแต่ ม. ต้น จนถึงตอนนี้ รวมๆ แล้วก็ 17 ปีพอดี
ทริปนี้เริ่มจากการชวนเพื่อนสนิทที่มีสไตล์การเที่ยวแนวๆ เดียวกันกับเราก่อน แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เพื่อนเราไม่สามารถไปเที่ยวกับเราได้ สุดท้ายเราก็เดินทางไปกับแฟนสองคน ซึ่งภาษาอังกฤษหมู เห็ด เป็ด ไก่ งู ปลา ด้วยกันทั้งคู่
ก่อนเริ่มวางแผนเราคุยกันก่อนว่าอยากไปญี่ปุ่นฤดูอะไร? ใบไม้แดงเราได้เห็นมากันแล้วเมื่อทริปไปเกาหลี หิมะเราก็ไม่ชอบกันเท่าไหร่เพราะกลัวจะหนาวมากจนไม่อยากออกไปเที่ยวไหน สุดท้ายตัดสินใจไปหน้าซากุระ จะไปทั้งทีเอาให้ดีที่สุดไปเลย
หลังจากเลือกฤดูได้แล้วเราก็เริ่มหาข้อมูลจากในกลุ่มเฟสบุ๊ค พันทิป บล็อค ยูทูป ฯลฯ เราก็หาข้อสรุปคร่าวๆ ได้ว่าเราอยากใส่ชุดกิโมโนถ่ายรูปกับซากุระ อยาก Universal Studio Japan ทักทายเพื่อนๆ ที่ปราสาทฮอกวอตส์ อยากเห็นฟูจิซัง
Route 10 Days : Kyoto >> Osaka >> Kawaguchiko >> Tokyo
เริ่มต้นวางแผนการเดินทาง
1. ซื้อตั๋วเครื่องบินเนื่องจาก Route ของเราครั้งนี้ค่อนข้างกว้าง การเที่ยวครั้งนี้เป็นการเที่ยวข้ามภูมิภาคของญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้เสียเวลาในการเดินทางและเงินพอสมควร (แต่เราก็ยังทำ 555++ ) เราตัดสินใจว่าขาไปจะนั่งเครื่องไปลงที่ Osaka ส่วนขากลับไทยจะกลับจาก Tokyo จะได้ไม่เสียเวลาข้ามไปข้ามา
ช่วงซากุระบานเป็น High Season ของญี่ปุ่นค่าตั๋วจึงค่อนข้างแพงกว่าช่วงอื่นๆ พอตัดสินใจว่าจะไปเราก็เริ่มกด Subscribe รับข่าวสารจากสายการบินต่างๆ ติดตามโปรโมชั่นสายการบินเรื่อยๆ จนได้ตั๋วบินไปกลับ ขาไปเราจองตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2017 ขากลับจองช่วง ธ.ค. 2017 จองกันข้ามปีเลยทีเดียว
2. จองที่พัก
วิธีการเลือกที่พักของเราไม่ยากค่ะ มีเกณฑ์การเลือกอยู่ไม่กี่อย่าง คือ ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้แหล่งของกิน (ต้องมีร้านสะดวกซื้อ หรือ ตลาดอยู่ใกล้ๆ) ปลอดภัย สุดท้ายคือราคาต้องเอื้อมถึง
เราใช้เว็บ Hotelscombined ในการเปรียบเทียบราคาที่พักจากหลายๆ เว็บพร้อมกัน (ใครสะดวกเว็บอื่นๆ ก็ว่ากันไปค่ะ) สำหรับทริปนี้เราจองที่พักทั้งหมดผ่าน Agoda เพราะที่พักที่อยากได้ทำราคามาได้ดีสุด
ช่วงที่เราไปเป็นหน้า High Season ทำให้ที่พักค่อนข้างแพง หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินขาไปเสร็จ เราก็รีบจองที่ทันที เราเลือกจองแบบ "จองก่อนจ่ายทีหลัง และสามารถยกเลิกได้ฟรีก่อนเดินทาง" เผื่อไปเจอที่พักอื่นที่ราคาหรือทำเลดีกว่า จะได้ไม่มานั่งเสียดายทีหลัง กว่าเราจะได้ที่พักลงตัวก็ประมาณ ม.ค. 2018 แต่เรายังเช็คราคาเรื่อยๆ จนกว่าจะยกเลิกไม่ได้เผื่อมีที่พักดีๆ หลุดมา (ซึ่งก็ไม่มี 555+++)
วิธีการเลือกที่พักของเราไม่ยากค่ะ มีเกณฑ์การเลือกอยู่ไม่กี่อย่าง คือ ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้แหล่งของกิน (ต้องมีร้านสะดวกซื้อ หรือ ตลาดอยู่ใกล้ๆ) ปลอดภัย สุดท้ายคือราคาต้องเอื้อมถึง
เราใช้เว็บ Hotelscombined ในการเปรียบเทียบราคาที่พักจากหลายๆ เว็บพร้อมกัน (ใครสะดวกเว็บอื่นๆ ก็ว่ากันไปค่ะ) สำหรับทริปนี้เราจองที่พักทั้งหมดผ่าน Agoda เพราะที่พักที่อยากได้ทำราคามาได้ดีสุด
ช่วงที่เราไปเป็นหน้า High Season ทำให้ที่พักค่อนข้างแพง หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินขาไปเสร็จ เราก็รีบจองที่ทันที เราเลือกจองแบบ "จองก่อนจ่ายทีหลัง และสามารถยกเลิกได้ฟรีก่อนเดินทาง" เผื่อไปเจอที่พักอื่นที่ราคาหรือทำเลดีกว่า จะได้ไม่มานั่งเสียดายทีหลัง กว่าเราจะได้ที่พักลงตัวก็ประมาณ ม.ค. 2018 แต่เรายังเช็คราคาเรื่อยๆ จนกว่าจะยกเลิกไม่ได้เผื่อมีที่พักดีๆ หลุดมา (ซึ่งก็ไม่มี 555+++)
3. วางแผนการเดินทาง
การวางแผนการเดินทางของเราปรับไปเรื่อยๆ จนถึงวันก่อนที่จะเดินทาง พอถึงญี่ปุ่นจริงๆ เราก็ปรับตามสถานการณ์อีกที เอาตามที่เราสะดวกและพอใจ บางสถานที่ที่เราไปในรีวิวอาจจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่พอเราไปจริงๆ เราอาจจะชอบและอยากอยู่นานๆ ก็ได้
การทำแพลนเที่ยวของเรานอกจากจะบอกสถานที่ๆ ไปในแต่ละวันแล้ว ยังต้องบอกวิธีเดินทางที่ชัดเจน พร้อมทั้งคำนวณค่าเดินทางด้วย สาเหตุที่เราชอบทำแบบนี้เพราะว่าเวลาปรับแพลนตามสถานการณ์ตอนนั้นมันจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าจะเรียงแพลนใหม่ยังไงไปอันไหนก่อนหลัง และเราสามารถรู้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นได้จะได้แลกเงินได้ถูก
ทางญี่ปุ่นได้อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวด้วยการออก Pass ต่างๆ มากมาย ถ้าเราวางแผนการเดินทางไว้ ก็จะช่วยให้เราหา Pass ที่เหมาะสมกับแพลนเราได้ ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีก
การวางแผนการเดินทางของเราปรับไปเรื่อยๆ จนถึงวันก่อนที่จะเดินทาง พอถึงญี่ปุ่นจริงๆ เราก็ปรับตามสถานการณ์อีกที เอาตามที่เราสะดวกและพอใจ บางสถานที่ที่เราไปในรีวิวอาจจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่พอเราไปจริงๆ เราอาจจะชอบและอยากอยู่นานๆ ก็ได้
การทำแพลนเที่ยวของเรานอกจากจะบอกสถานที่ๆ ไปในแต่ละวันแล้ว ยังต้องบอกวิธีเดินทางที่ชัดเจน พร้อมทั้งคำนวณค่าเดินทางด้วย สาเหตุที่เราชอบทำแบบนี้เพราะว่าเวลาปรับแพลนตามสถานการณ์ตอนนั้นมันจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าจะเรียงแพลนใหม่ยังไงไปอันไหนก่อนหลัง และเราสามารถรู้ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นได้จะได้แลกเงินได้ถูก
ทางญี่ปุ่นได้อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวด้วยการออก Pass ต่างๆ มากมาย ถ้าเราวางแผนการเดินทางไว้ ก็จะช่วยให้เราหา Pass ที่เหมาะสมกับแพลนเราได้ ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีก
4. แลกเงินที่ไหนดี
สำหรับเราจะดูจากโปรธนาคารและเรทร้านแลกเงินต่างๆ หักลบค่าเดินทางไปแลกเงินแล้วเราโอเคก็จัดไป ใกล้บ้านเราสุดก็เป็นร้านแลกเงินสีเขียวเจ้าดังค่ะ
สำหรับเราจะดูจากโปรธนาคารและเรทร้านแลกเงินต่างๆ หักลบค่าเดินทางไปแลกเงินแล้วเราโอเคก็จัดไป ใกล้บ้านเราสุดก็เป็นร้านแลกเงินสีเขียวเจ้าดังค่ะ
** ถ้ามีการ Transit นานหรือคิดว่าจะกินอะไรให้แลกเงินท้องถิ่นประเทศนั้น ไม่ก็เป็น USD มาเผื่อด้วย
** กรณีเงินเยนไม่พอใช้ **
5. ทำประกันการเดินทาง
จุดนี้สำคัญมากๆ ให้ท่องไว้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ เกณฑ์ในการเลือกบริษัทประกันการเดินของเรา เราเลือกที่เชื่อถือได้ คนนิยมใช้บริการ และลองเช็คเสียงตอบรับดูว่าบริษัทไหนเคลมง่ายไม่ยุ่งยาก จากนั้นก็เอาบริษัทประกันเข้าข่ายมาเปรียบเทียบรายละเอียดและราคา ชอบแบบไหนก็จัดการซื้อให้เรียบร้อย
** ระยะเวลาการซื้อประกันต้องครอบคลุมตั้งแต่วันเดินทาง จนกระทั้งวันที่เท้าเหยียบถึงประเทศไทย **
6. เช็คสภาพอากาศ
ช่วงที่เราเดินทางเป็นช่วงที่กำลังเปลี่ยนฤดูและภูมิประเทศญี่ปุ่นเป็นเกาะ สภาพอากาศค่อนข้างจึงแปรปรวนทำให้เราต้องเช็คสภาพอากาศเรื่อยๆ จนวันเดินทาง ส่วนตัวเราเลือกเช็คสภาพอากาศจากเว็บ accuweather เป็นหลักค่ะ
สาเหตุที่ต้องเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางเพราะเราต้องปรับแพลนให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ วันไหนฝนตกก็หาที่เที่ยวหรือที่ช้อปปิ้งในร่ม วันไหนอากาศดีก็เที่ยวแบบ Outdoor นอกจากจะดูอุณหภูมิแล้วอย่าลืมดูแรงลมด้วย อากาศเย็นยิ่งเจอลมก็จะยิ่งหนาวไปอีก ควรเตรียมเสื้อผ้าไปให้พร้อม ถ้าป่วยก็คงไม่สนุกแน่ๆ
และก่อนออกจากที่พักทุกๆ วัน เราจะเช็คสภาพอากาศก่อน เพื่อจะได้เตรียมตัวให้ถูก เผื่อวันไหนฝนตกก็จะได้พกร่มกับเสื้อกันฝนไปด้วย ถ้าหนาวจะได้เตรียมหมวก ผ้าพันคอ ถุงมือ ฯลฯ
7. เช็คพยากรณ์ซากุระ
ถ้าใครไปดูซากุระแน่นอนว่าต้องตามพยากรณ์ซากุระด้วย จุดนี้จะช่วยทำให้เรารู้ว่าซากุระในเมืองที่เราไปเที่ยวบานเมื่อไหร่ ช่วงที่เราไปร่วงแล้วรึยัง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาให้วุ่นวาย
เราเช็คจาก >> http://s.n-kishou.co.jp/w/sp/sakura/sakura_top.html
8. จอง / ซื้อ Pass ต่างๆ
เราเลือกจองทุกอย่างที่สามารถทำ Online ได้ทั้งหมด เช่น Pass ต่างๆ ที่จะใช้, จองร้านอาหาร, จองเช่ากิโมโน, จองรถเช่า ฯลฯ อีกทางนึงคือซื้อ Pass ต่างๆ ตามงานท่องเที่ยวในไทยหรือตามที่เอเจนซี่แต่ละเจ้าจัดโปร ลองคำนวณดูว่าถูกหรือแพงกว่าไปซื้อที่ญี่ปุ่น แต่บางทีมีไว้ก็ก่อนก็สะดวกดีไม่ต้องเสียเวลาหาซื้อ
** Pass และ สิ่งที่ทำการจองไปล่วงหน้าของทริปนี้ **
** กรณีเงินเยนไม่พอใช้ **
- สามารถเอาเงินไทยหรือดอลล่าไปแลกตามตู้ Exchange ได้ เราเห็นตู้แลกเงินที่ Bic camera กับ Tokyu Hand Shibuya
- กดเงินจากตู้ ตู้ ATM Seven Bank (ใน 7-11) หรือ ATM JP BANK รายละเอียด
- บัตรเครดิตรูดซื้อของได้ตามปกติ แต่เท่าที่สังเกตุตามร้านอาหารส่วนมากจะไม่ค่อยรับบัตรเครดิต
5. ทำประกันการเดินทาง
จุดนี้สำคัญมากๆ ให้ท่องไว้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ เกณฑ์ในการเลือกบริษัทประกันการเดินของเรา เราเลือกที่เชื่อถือได้ คนนิยมใช้บริการ และลองเช็คเสียงตอบรับดูว่าบริษัทไหนเคลมง่ายไม่ยุ่งยาก จากนั้นก็เอาบริษัทประกันเข้าข่ายมาเปรียบเทียบรายละเอียดและราคา ชอบแบบไหนก็จัดการซื้อให้เรียบร้อย
ทำตารางเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายขึ้น |
6. เช็คสภาพอากาศ
ช่วงที่เราเดินทางเป็นช่วงที่กำลังเปลี่ยนฤดูและภูมิประเทศญี่ปุ่นเป็นเกาะ สภาพอากาศค่อนข้างจึงแปรปรวนทำให้เราต้องเช็คสภาพอากาศเรื่อยๆ จนวันเดินทาง ส่วนตัวเราเลือกเช็คสภาพอากาศจากเว็บ accuweather เป็นหลักค่ะ
สาเหตุที่ต้องเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางเพราะเราต้องปรับแพลนให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ วันไหนฝนตกก็หาที่เที่ยวหรือที่ช้อปปิ้งในร่ม วันไหนอากาศดีก็เที่ยวแบบ Outdoor นอกจากจะดูอุณหภูมิแล้วอย่าลืมดูแรงลมด้วย อากาศเย็นยิ่งเจอลมก็จะยิ่งหนาวไปอีก ควรเตรียมเสื้อผ้าไปให้พร้อม ถ้าป่วยก็คงไม่สนุกแน่ๆ
และก่อนออกจากที่พักทุกๆ วัน เราจะเช็คสภาพอากาศก่อน เพื่อจะได้เตรียมตัวให้ถูก เผื่อวันไหนฝนตกก็จะได้พกร่มกับเสื้อกันฝนไปด้วย ถ้าหนาวจะได้เตรียมหมวก ผ้าพันคอ ถุงมือ ฯลฯ
7. เช็คพยากรณ์ซากุระ
ถ้าใครไปดูซากุระแน่นอนว่าต้องตามพยากรณ์ซากุระด้วย จุดนี้จะช่วยทำให้เรารู้ว่าซากุระในเมืองที่เราไปเที่ยวบานเมื่อไหร่ ช่วงที่เราไปร่วงแล้วรึยัง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาให้วุ่นวาย
เราเช็คจาก >> http://s.n-kishou.co.jp/w/sp/sakura/sakura_top.html
8. จอง / ซื้อ Pass ต่างๆ
เราเลือกจองทุกอย่างที่สามารถทำ Online ได้ทั้งหมด เช่น Pass ต่างๆ ที่จะใช้, จองร้านอาหาร, จองเช่ากิโมโน, จองรถเช่า ฯลฯ อีกทางนึงคือซื้อ Pass ต่างๆ ตามงานท่องเที่ยวในไทยหรือตามที่เอเจนซี่แต่ละเจ้าจัดโปร ลองคำนวณดูว่าถูกหรือแพงกว่าไปซื้อที่ญี่ปุ่น แต่บางทีมีไว้ก็ก่อนก็สะดวกดีไม่ต้องเสียเวลาหาซื้อ
** Pass และ สิ่งที่ทำการจองไปล่วงหน้าของทริปนี้ **
- จองตั๋ว Haruka + Icoca จองล่วงหน้าได้ 1 เดือน ลิงค์
- จองเช่าชุดกิโมโน จาก Okamoto Kimono Rental จองล่วงหน้าได้ 3 เดือน ลิงค์
- ซื้อ Osaka Amazing 2 Days Pass จากงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก (ได้บัตรจริง)
- ซื้อบัตร Universal Studio 1 Day Pass จากเว็บ kkday (ทางเว็บจะส่ง QR Code ให้ในเมล์)
- จองรถขับเที่ยวที่ Kawaguchiko เราเลือกจองกับ Toyota ค่ะ ลิงค์
- จอง Highway Bus จาก Kawaguchiko ไป Shinjuku (Tokyo) ลิงค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น